วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

วิธีการอัพโหลดวีดีโอลง Youtube

วิธีการอัพโหลดวีดีโอลง Youtube

Youtube สามารถลองรับรูปแบบไฟล์ของวีดีโอได้หลายรูปแบบแต่ก่อนที่จะอัพโหลดลงได้นั้นคุณต้องล๊อคอินสมาชิก ของ Youtube ก่อนคุณจึงจะสามารถที่จะอัพโหลดวีดีโอของคุณลง Youtube ได้

 
ขั้นตอนการอัพโหลดวีดีโอ

1. เข้าไปที่หน้าเว็บของ youtube (ต้อง login สมาชิกก่อนนะครับ) เมื่อเข้าไปที่หน้าเว็บ youtube แล้ว ก็กดปุ่ม "อัปโหลด" (ดังรูป)






2. ใส่ค่าต่าง ๆ ตามที่ youtube กำหนดให้คุณกรอกข้อมูลใส่ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ จะปรากฎบนช่อง youtube พร้อมกันกับวีดีโอของคุณ




3. ทำการเลือกไฟล์วีดีโอที่คุณต้องการอัพโหลด




4. เมื่อเลือกไฟล์วีดีโอเรียบร้อยแล้ว ระบบจะทำการอัพโหลดวีดีโอของคุณ โดยกระบวนการอัพโหลดไฟล์วีดีโอของคุณ จะใช้ระยะเวลาหนึ่ง (สังเกตุได้จาก progress bar ที่เป็นแถบสีน้ำเงินด้านบน จะบอกเปอร์เซ็นต์ของการอัพโหลด) ขึ้นอยู่กับขนาดความใหญ่ของไฟล์วีดีโอของคุณด้วย




5. ระบบจะให้คุณกรอกรายละเอียดของวีดีโอที่คุณต้องการเผยแพร่ เช่น "ชื่อวีดีโอ" และ "คำอธิบายเกี่ยวกับวีดีโอ" ซึ่งในส่วนของคำอธิบาย คุณสามารถใส่ link มายังเว็บของคุณก็ได้ เป็นการเพิ่มช่องทางการทำ "SEO" (Search Engine Optimization) และทำให้คนที่เข้ามาดูวีดีโอนี้ หากสนใจ ก็สามารถคลิกเข้าไปที่เว็บของคุณต่อได้ ถือเป็นอีก 1 ช่องทางดี ๆ ในการโปรโมทเว็บของคุณไปในตัว


 


6. เมื่อใส่รายละเอียดต่าง ๆ เรียบร้อยหมดแล้ว ก็กด "+ เพิ่มในเพลย์ลิสต์" เพื่อนำวีดีโอของคุณใส่เข้าไปใน Play List ของ youtube





เพียงเท่านี้วีดีโอของคุณก็จะถูกนำไปแสดงบน youtube และ คนอื่น ๆ ก็สามารถนำวีดีโอของคุณไปแปะไว้ในหน้าเว็บอื่น ๆ ได้

อ้างอิง: http://www.clickblogzone.com/csz/blog/วิธีการอัพโหลดวีดีโอลง_Youtube_และการนำวีดีโอจาก_Youtube_มาใส่ในหน้าเว็บของคุณ-1080-blogdetail.html



โปรแกรมSony Vegas

โปรแกรมSony Vegas

Sony Vegas คือโปรแกรมที่ถูกพัฒนามาเพื่องานตัดต่อภาพยนตร์ และเสียง โดยในหนึ่งโปรแกรมนี้รองรับและสนับสนุนไฟล์รูปแบบไฟล์ จึงสามารถใช้งานร่วมกับโปรแกรมอื่นๆ ได้อย่างมากมาย และโปรแกรมให้ผลงานที่มีระดับสูงได้ เช่น วีดีโอระดับ Full HD หรือ เสียงระดับ HQ VBR Studio Audio ได้
ความสามารถของ Sony Vegas Pro 12
-  ตัดต่อภาพยนตร์ หรือ สร้างวีดีโอจากภาพนิ่ง
-  ตัดต่อเสียง หรือ แต่งเสียงเพลง ดนตรี
-  มีเอฟเฟ็กต์ ให้เลือกใช้มากมาย
-  มีฟังก์ชั่นให้เลือกอย่างมากมาย เช่น การปรับโทนสี ปรับโทนเสียง สร้างภาพเก่าๆ เป็นต้น
-  รองรับการทำงานแบบ Layer สามารถซ้อนภาพและเสียงได้อย่างไม่จำกัด
-  สร้างเสียงแบบระบบ 5.1 ได้
-  โปรแกรมใช้งานได้รวดเร็ว ไม่กระตุก แม้สเปกคอมช้า
-  สนับสนุนรูปแบบสื่อได้หลากหลาย เช่น VCD, SVCD, DVD, และสื่อวีดีโอสำหรับแสดงผลบนเว็บไซต์
-  รองรับรูปแบบไฟล์อย่างหลากหลาย เช่น JPG, PSD, AVI, MOV  และอื่นๆ อีกมากมาย


  
อธิบายองค์ประกอบหน้าตาโปรแกรม

1. Menu Bar คือ แถบเมนูสำหรับรวบรวมคำสั่งที่ใช้ในโปรแกรม
2. Tool Bar คือ แถบเครื่องมือที่ใช้ในการทำงานบ่อยๆ เช่น New ,  Open , Save , Cut , Copy เป็นต้น
3. Support Windows คือ หน้าต่างที่ใช้สำหรับรวบรวมฟังก์ชั่นต่างๆ ของโปรแกรม รวมถึง การเข้าถึงไฟล์ในเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วย
4. Time line คือ ส่วนที่แสดงผลระยะเวลาในการทำงานของ Cursor
5. Layer คือ ส่วนที่ใช้สำหรับ ซ้อนวีดีโอ เสียง หรือวัตถุอื่นๆ โดยแยกเป็นชั้นๆ ไป
6. Preview Windows คือ หน้าต่างสำหรับแสดงผลวีดีโอที่เรากำลังดำเนินการตัดต่อ
7. Mixer คือ ส่วนที่ใช้สำหรับปรับระดับเสียงให้กับงาน
8. Control Bar คือ ส่วนที่ใช้สำหรับควบคุมการทำงานของโปรเจค เช่น เล่น หยุด พัก หรือ บันทึก เป็นต้น
9. Status Bar คือ แถบแสดงข้อมูลว่าเราสามารถเก็บข้อมูลได้อีกกี่นาที ในเครื่องของเรา

อ้างอิง: http://www.thaidesignidea.com/sony-vegas-คืออะไร.html

การเขียนบท หนังสั้น

การเขียนบท หนังสั้น

หนังสั้น คือ หนังยาวที่สั้น ก็คือการเล่าเรื่องด้วยภาพและเสียงที่มีประเด็นเดียวสั้น ๆ แต่ได้ใจความ ศิลปะการเล่าเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นนิทาน นิยาย ละคร หรือภาพยนตร์ ล้วนแล้วแต่มีรากฐานแบบเดียวกัน นั่นคือ การเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นของมนุษย์หรือสัตว์ หรือแม้แต่อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นช่วงเวลาหนึ่งเวลาใด ณ สถานที่ใดที่หนึ่งเสมอ ฉะนั้น องค์ประกอบที่สำคัญที่ขาดไม่ได้คือ ตัวละคร สถานที่ และเวลา

สิ่งที่สำคัญในการเขียนบทหนังสั้นก็คือ การเริ่มค้นหาวัตถุดิบหรือแรงบันดาลใจให้ได้ ว่าเราอยากจะพูด จะนำเสนอเรื่องเกี่ยวกับอะไร ตัวเราเองมีแนวความคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้น ๆ อย่างไร ซึ่งแรงบันดาลใจในการเขียนบทที่เราสามารถนำมาใช้ได้ก็คือ ตัวละคร แนวความคิด และเหตุการณ์ และควรจะมองหาวัตถุดิบในการสร้างเรื่องให้แคบอยู่ในสิ่งที่เรารู้สึก รู้จริง เพราะคนทำหนังสั้นส่วนใหญ่ มักจะทำเรื่องที่ไกลตัวหรือไม่ก็ไกลเกินไปจนทำให้เราไม่สามารถจำกัดขอบเขตได้

เมื่อเราได้เรื่องที่จะเขียนแล้วเราก็ต้องนำเรื่องราวที่ได้มาเขียน Plot (โครงเรื่อง) ว่าใคร ทำอะไร กับใคร อย่างไร ที่ไหน เมื่อไร เพราะอะไร และได้ผลลัพธ์อย่างไร ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ข้อมูล หรือวัตถุดิบที่เรามีอยู่ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ชีวิตของแต่ละคนว่ามีแนวคิดมุมมองต่อชีวิตคนอย่างไร เพราะความเข้าใจในมนุษย์ ยิ่งเราเข้าใจมากเท่าไร เราก็ยิ่งทำหนังได้ลึกมากขึ้นเท่านั้น

และเมื่อเราได้เรื่อง ได้โครงเรื่องมาเรียบร้อยแล้ว เราก็นำมาเป็นรายละเอียดของฉาก ว่ามีกี่ฉากในแต่ละฉากมีรายละเอียดอะไรบ้าง เช่นมีใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไร ไปเรื่อย ๆ จนจบเรื่อง ซึ่งความจริงแล้วขั้นตอนการเขียนบทไม่ได้มีอะไรยุ่งยากมากมาย เพราะมีการกำหนดเป็นแบบแผนไว้อยู่แล้ว แต่สิ่งที่ยาก มาก ๆ ก็คือกระบวนการคิด ว่าคิดอย่างไรให้ลึกซึ้ง คิดอย่างไรให้สมเหตุสมผล ซึ่งวิธีคิดเหล่านี้ไม่มีใครสอนกันได้ทุกคน ต้องค้นหาวิธีลองผิดลองถูก จนกระทั่ง ค้นพบวิธีคิดของตัวเอง

อ้างอิง: http://www.moralmedias.net/index.php?option=com_content&task=view&id=33&Itemid=39

ความรู้เกี่ยวกับการทำภาพยนตร์สั้น

ความรู้เกี่ยวกับการทำภาพยนตร์สั้น

1. การค้นคว้าหาข้อมูล (research)
เป็นขั้นตอนการเขียนบทภาพยนตร์อันดับแรกที่ต้องทำถือเป็นสิ่งสำคัญหลังจากเราพบประเด็นของเรื่องแล้ว จึงลงมือค้นคว้าหาข้อมูลเพื่อเสริมรายละเอียดเรื่องราวที่ถูกต้อง จริง ชัดเจน และมีมิติมากขึ้น  คุณภาพของภาพยนตร์จะดีหรือไม่จึงอยู่ที่การค้นคว้าหาข้อมูล ไม่ว่าภาพยนตร์นั้นจะมีเนื้อหาใดก็ตาม


2. การกำหนดประโยคหลักสำคัญ (premise)
หมายถึงความคิดหรือแนวความคิดที่ง่าย ๆ ธรรมดา ส่วนใหญ่มักใช้ตั้งคำถามว่า เกิดอะไรขึ้นถ้า…” (what if) ตัวอย่างของ premise ตามรูปแบบหนังฮอลลีวู้ด เช่น เกิดอะไรขึ้นถ้าเรื่องโรเมโอ &จูเลียตเกิดขึ้นในนิวยอร์ค คือ เรื่อง West Side Story, เกิดอะไรขึ้นถ้ามนุษย์ดาวอังคารบุกโลก คือเรื่อง The Invasion of Mars, เกิดอะไรขึ้นถ้าก็อตซิล่าบุกนิวยอร์ค คือเรื่อง Godzilla, เกิดอะไรขึ้นถ้ามนุษย์ต่างดาวบุกโลก คือเรื่อง The Independence Day, เกิดอะไรขึ้นถ้าเรื่องโรเมโอ &จูเลียตเกิดขึ้นบนเรือไททานิค คือเรื่อง Titanic เป็นต้น


3. การเขียนเรื่องย่อ (synopsis)
คือเรื่องย่อขนาดสั้น ที่สามารถจบลงได้ 3-4 บรรทัด หรือหนึ่งย่อหน้า หรืออาจเขียนเป็น story outline เป็นร่างหลังจากที่เราค้นคว้าหาข้อมูลแล้วก่อนเขียนเป็นโครงเรื่องขยาย (treatment)


4. การเขียนโครงเรื่องขยาย (treatment)
เป็นการเขียนคำอธิบายของโครงเรื่อง (plot) ในรูปแบบของเรื่องสั้น โครงเรื่องขยายอาจใช้สำหรับเป็นแนวทางในการเขียนบทภาพยนตร์ที่สมบูรณ์ บางครั้งอาจใช้สำหรับยื่นของบประมาณได้ด้วย และการเขียนโครงเรื่องขยายที่ดีต้องมีประโยคหลักสำคัญ (premise)  ที่ง่าย ๆ น่าสนใจ


 5. บทภาพยนตร์ (screenplay)

สำหรับภาพยนตร์บันเทิง หมายถึง บท (script) ซีเควนส์หลัก (master scene/sequence)หรือ ซีนาริโอ (scenario) คือ บทภาพยนตร์ที่มีโครงเรื่อง บทพูด แต่มีความสมบูรณ์น้อยกว่าบทถ่ายทำ (shooting script) เป็นการเล่าเรื่องที่ได้พัฒนามาแล้วอย่างมีขั้นตอน ประกอบ ด้วยตัวละครหลักบทพูด ฉาก แอ็คชั่น ซีเควนส์ มีรูปแบบการเขียนที่ถูกต้อง เช่น บทสนทนาอยู่กึ่งกลางหน้ากระดาษฉาก เวลา สถานที่ อยู่ชิดขอบหน้าซ้ายกระดาษ ไม่มีตัวเลขกำกับช็อต และโดยหลักทั่วไปบทภาพยนตร์หนึ่งหน้ามีความยาวหนึ่งนาที


6. บทถ่ายทำ (shooting script)
คือบทภาพยนตร์ที่เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการเขียน บทถ่ายทำจะบอกรายละเอียดเพิ่มเติมจากบทภาพยนตร์ (screenplay) ได้แก่ ตำแหน่งกล้อง การเชื่อมช็อต เช่น คัท (cut) การเลือนภาพ (fade) การละลายภาพ หรือการจางซ้อนภาพ (dissolve) การกวาดภาพ (wipe) ตลอดจนการใช้ภาพพิเศษ (effect) อื่น ๆ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเลขลำดับช็อตกำกับเรียงตามลำดับตั้งแต่ช็อตแรกจนกระทั่งจบเรื่อง


7. บทภาพ (storyboard)
คือ บทภาพยนตร์ประเภทหนึ่งที่อธิบายด้วยภาพ คล้ายหนังสือการ์ตูน ให้เห็นความต่อเนื่องของช็อตตลอดทั้งซีเควนส์หรือทั้งเรื่องมีคำอธิบายภาพประกอบ เสียงต่าง ๆ เช่น เสียงดนตรี เสียงประกอบฉาก และเสียงพูด เป็นต้น ใช้เป็นแนวทางสำหรับการถ่ายทำ หรือใช้เป็นวิธีการคาดคะเนภาพล่วงหน้า (pre-visualizing) ก่อนการถ่ายทำว่า เมื่อถ่ายทำสำเร็จแล้ว หนังจะมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร ซึ่งบริษัทของ Walt Disney นำมาใช้กับการผลิตภาพยนตร์การ์ตูนของบริษัทเป็นครั้งแรก โดยเขียนภาพ      เหตุการณ์ของแอ็คชั่นเรียงติดต่อกันบนบอร์ด เพื่อให้คนดูเข้าใจและมองเห็นเรื่องราวล่วงหน้าได้ก่อนลงมือเขียนภาพ ส่วนใหญ่บทภาพจะมีเลขที่ลำดับช็อตกำกับไว้ คำบรรยายเหตุการณ์ มุมกล้อง และอาจมีเสียงประกอบด้วย


อ้างอิง: https://joynaka23.wordpress.com/บทความ/ความรู้เกี่ยวกับการทำภ/

โทษและพิษภัยของสารเสพย์ติด

โทษและพิษภัยของสารเสพย์ติด

                เนื่องด้วยพิษภัยหรือโทษของสารเสพติดที่เกิดแก่ผู้หลงผิดไปเสพสารเหล่านี้เข้า ซึ่งเป็นโทษที่มองไม่เห็นชัด เปรียบเสมือนเป็นฆาตกรเงียบ ที่ทำลายชีวิตบุคคลเหล่านั้นลงไปทุกวัน ก่อปัญหาอาชญากรรม ปัญหาสุขภาพ ก่อความเสื่อมโทรมให้แก่สังคมและบ้านเมืองอย่างร้ายแรง เพราะสารเสพย์ติดทุกประเภทที่มีฤทธิ์เป็นอันตรายต่อร่างกายในระบบประสาท สมอง ซึ่งเปรียบเสมือนศูนย์บัญชาการของร่างกายและชีวิตมนุษย์ การติดสารเสพติดเหล่านั้นจึงไม่มีประโยชน์อะไรเกิดขึ้นแก่ร่างกายเลย แต่กลับจะเกิดโรคและพิษร้ายต่างๆ จนอาจทำให้เสียชีวิต หรือ เกิดโทษและอันตรายต่อครอบครัว เพื่อนบ้าน สังคม และชุมชนต่างๆ ต่อไปได้อีกมาก




โทษทางร่างกาย และจิตใจ
                1. สารเสพติดจะให้โทษโดยทำให้การปฏิบัติหน้าที่ ของอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายเสื่อมโทรม พิษภัยของสารเสพย์ติดจะทำลายประสาท สมอง ทำให้สมรรถภาพเสื่อมลง มีอารมณ์ จิตใจไม่ปกติ เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ง่าย เช่น วิตกกังวล เลื่อนลอยหรือฟุ้งซ่าน ทำงานไม่ได้ อยู่ในภาวะมึนเมาตลอดเวลา อาจเป็นโรคจิตได้ง่าย
                2. ด้านบุคลิกภาพจะเสียหมด ขาดความสนใจในตนเองทั้งความประพฤติความสะอาดและสติสัมปชัญญะ มีอากัปกิริยาแปลกๆ เปลี่ยนไปจากเดิม
                3. สภาพร่างกายของผู้เสพจะอ่อนเพลีย ซูบซีด หมดเรี่ยวแรง ขาดความกระปรี้กระเปร่าและเกียจคร้าน เฉื่อยชา เพราะกินไม่ได้ นอนไม่หลับ ปล่อยเนื้อ ปล่อยตัวสกปรก ความเคลื่อนไหวของร่างกายและกล้ามเนื้อต่างๆ ผิดปกติ
                4. ทำลายสุขภาพของผู้ติดสารเสพติดให้ทรุดโทรมทุกขณะ เพราะระบบอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายถูกพิษยาทำให้เสื่อมลง น้ำหนักตัวลด ผิวคล้ำซีด เลือดจางผอมลงทุกวัน
                5. เกิดโรคภัยไข้เจ็บได้ง่าย เพราะความต้านทานโรคน้อยกว่าปกติ ทำให้เกิดโรคหรือเจ็บไข้ได้ง่าย และเมื่อเกิดแล้วจะมีความรุนแรงมาก รักษาหายได้ยาก
                6. อาจประสบอุบัติเหตุได้ง่าย สาเหตุเพราะระบบการควบคุมกล้ามเนื้อและประสาทบกพร่อง 
ใจลอย ทำงานด้วยความประมาท และเสี่ยงต่ออุบัติเหตุตลอดเวลา
                7. เกิดโทษที่รุนแรงมาก คือ จะเกิดอาการคลุ้มคลั่ง ถึงขั้นอาละวาด เมื่อหิวยาเสพติดและหายาไม่ทัน เริ่มด้วยอาการนอนไม่หลับ น้ำตาไหล เหงื่อออก ท้องเดิน อาเจียน กล้ามเนื้อกระตุก กระวนกระวาย และในที่สุดจะมีอาการเหมือนคนบ้า เป็นบ่อเกิดแห่งอาชญากรรม

โทษพิษภัยต่อครอบครัว
                1. ความรับผิดชอบต่อครอบครัว และญาติพี่น้องจะหมดสิ้นไป ไม่สนใจที่จะดูแลครอบครัว
                2. ทำให้สูญเสียทรัพย์สิน เงินทอง ที่จะต้องหามาซื้อสารเสพติด จนจะไม่มีใช้จ่ายอย่างอื่น และต้องเสียเงินรักษาตัวเอง 
                3. ทำงานไม่ได้ขาดหลักประกันของครอบครัว และนายจ้างหมดความไว้วางใจ
                4. สูญเสียสมรรถภาพในการหาเลี้ยงครอบครัว นำความหายนะมาสู่ครอบครัวและญาติพี่น้อง

อ้างอิง: http://www.nmt.ac.th/product/web/1/d5.html

การเที่ยวกลางคืนเป็นสาเหตุหนึ่งของการติดสารเสพติด

การเที่ยวกลางคืนเป็นสาเหตุหนึ่งของการติดสารเสพติด
            ปัญหาวัยรุ่นกับยาเสพติดเป็นเรื่องใหญ่มากในขณะนี้ หลายท่านอาจจะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมในปัจจุบันวัยรุ่น ถึงหันเข้าไปหายาเสพติดกันมากอย่างนี้
            เท่าที่ได้มีการสำรวจมา สาเหตุใหญ่ของการเริ่มเข้าไปใช้ยาเสพติดของวัยรุ่นยังเป็นเรื่องของความ อยากลองความเป็นวัยรุ่นของเขาทำให้เขาอยากลองในสิ่งแปลกใหม่ ร่วมกับอีกปัญหาหนึ่งคือการ ตามเพื่อนความจริงแล้วเป็นเรื่องปกติของวัยรุ่น ไม่ว่าจะในยุคใดสมัยใด ที่จะสนใจเพื่อน อยากจะลอง อยากจะเป็นอย่างคนนั้นคนนี้ หรืออยากจะทำอย่างที่เพื่อนทำ จนกระทั่งกลายมาเป็นแฟชั่น ปัจจุบันมีเด็กบางคนหันเข้าไปหายาเสพติด เพียงเพราะรู้สึกว่า ใครๆ เขาก็ทำกัน เป็นเรื่องธรรมดา ไม่เห็นจะแปลกอะไร ถ้าถามว่ารู้โทษของยาเสพติดไหม เด็กๆ ก็รู้ แต่เพียงเพราะอยากที่จะตามเพื่อนๆ ไป ทำให้ตัดสินใจผิดพลาด กลายไปเป็นเหยื่อของสารเสพติด และการเที่ยวกลางคืนก็เป็นส่วนหนึ่งในการที่ทำให้วัยรุ่นใช้สารเสพติดมากขึ้น เนื่องจากสถานที่ที่เที่ยวกลางคืนนั้นอาจจะเป็นแหล่งมั่วสุมชั้นดีสำหรับวัยรุ่นได้

ยาเสพติดมีผลกระทบต่อตัวเด็กในหลายด้าน
             ผลกระทบอันแรกที่เราอาจจะสังเกตได้อย่างชัดเจนก็คือผลการเรียน ยาเสพติดเป็นสารที่ออกฤทธิ์ต่อสมอง ฉะนั้นความสามารถในการเรียน ความตั้งใจ สมาธิในการเรียนของเขาจะลดลง ผลการเรียนก็เริ่มตกลง เด็กจะเริ่มมีปัญหาในการฝ่าฝืนกฎระเบียบ เพราะอยากจะใช้ยา บางทีอาจเห็นเด็กอยากโดดเรียน ออกจากโรงเรียนก่อนเวลาโรงเรียนเลิก เพราะว่าอยากจะไปใช้ยาเสพติด หรืออาจพบมีปัญหาเที่ยวกลางคืนมากขึ้น
             ผลกระทบต่อไป คือ ผลกระทบต่อร่างกาย ตัวยาเสพติดเองมีฤทธิ์โดยตรงต่อการทำงานของสมองของเราหรือมีฤทธิ์โดยตรงต่อทางร่างกาย การที่เราไม่หลับไม่นอนเอาแต่สนุกสนานนั้น ร่างกายเราสู้ไม่ไหว ก็จะทรุดโทรมลง เหนื่อย อ่อนเพลีย รู้สึกอยากจะนอนมากขึ้น เด็กอาจจะง่วงเหงาหาวนอนมากขึ้นในชั้นเรียน
             ภาวะทางจิตใจเองก็มีผลให้เกิดความรู้สึกวิตกกังวล เกิดความรู้สึกก้าวร้าวมากขึ้น เพราะเมื่อมีความต้องการใช้ยา เด็กก็จะกระวนกระวาย เวลาใครเข้ามาขัดขวาง เด็กก็จะรู้สึกหงุดหงิด อาจจะทำอะไรลงไปที่รุนแรงมากขึ้น ที่สำคัญคือในบางรายอาจเกิดอาการทางจิตขึ้นอย่างที่เราเห็นข่าวกัน โดยยาบ้าอาจทำให้เกิดอาการหลอนทางประสาท ทำให้เกิดความรู้สึกหวาดระแวงว่าจะมีคนทำร้าย ดังนั้นเขาอาจทำพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมขึ้น เนื่องจากอาการทางจิตของเขา เช่น ใช้มีดจับคนเข้ามาเป็นตัวประกัน หรือกังวลว่าเขาจะทำร้ายตัวเอง ก็จะแสดงอาการก้าวร้าวต่อคนอื่นได้
อ้างอิง:  https://www.gotoknow.org/posts/267806

ข้อดีและข้อเสียของการดื่มเบียร์ เหล้า แอลกอฮอล์

ข้อดีและข้อเสียของการดื่มเบียร์ เหล้า แอลกอฮอล์

               การดื่มเบียร์ มีประโยชน์หรือมีโทษต่อร่างกาย ยังเป็นประเด็นถกเถียงในทางวิชาการ บางทีการกล่าวว่า ดื่มเบียร์มีประโยชน์ แท้จริงก็อาจเป็น การให้เหตุผลเพื่อสนับสนุนให้มีการดื่มและจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เหล้า เบียร์ ของบริษัทผู้ผลิต ขณะเดียวกัน การกล่าวว่า การดื่มเบียร์ มีแต่โทษต่อร่างกาย ก็อาจเป็นการละเลยคุณค่าบางอย่างที่มีประโยชน์จากเครื่องดื่มประเภทเบียร์หรือไวน์ ANANTASOOK จึงขอรวบรวม ข้อดีและข้อเสียของการดื่มเบียร์มาฝากกัน เพื่อให้เพื่อนๆ ได้ประกอบในการตัดสินใจ ดื่มหรือไม่ดื่ม ในแต่ละครั้ง



ข้อดีของการดื่มเบียร์ ที่มีการศึกษาและเผยแพร่ทั่วไป มีดังนี้
1. ป้องกันโรคหัวใจ : จากการศึกษาของนักวิชาการพบว่า วิตามินบี 6 ในเบียร์ช่วยลดการก่อตัวของ กรดอมิโน โฮโมซิสตีน ที่เกี่ยวข้องกับการเกิดของโรคหัวใจ ผู้ที่ดื่มเบียร์มีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้ดื่มเบียร์ 40–60% แต่ควรดื่มไม่เกินครึ่งลิตรต่อวัน (ราว 2 แก้วต่อวัน)
2. ช่วยลดความเสี่ยงโรคอัมพฤกษ์อัมพาต : สารที่มีประโยชน์ในเบียร์ ช่วยป้องกันเส้นเลือดอุดตันจึงช่วยป้องกันโรคอัมพฤกษ์อัมพาตได้
3. ช่วยลดความดันโลหิต : แพทย์ชาวฮอลแลนด์และจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดค้นพบว่า การดื่มเบียร์ช่วยลดความดันโลหิตสูงได้
4. ป้องกันเบาหวาน : ผู้ที่ดื่มเบียร์มีจำนวนน้อยที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน เหตุผลก็คือ เบียร์ทำให้ร่างกายสามารถปรับฮอร์โมนอินซูลิให้ความทรงจำดีนักดื่มเบียร์จึง ไม่ค่อยเป็นโรคอัลไซเมอร์
5. ช่วยให้กระดูกแข็งแรง : เบียร์ให้ผลดีต่อกระดูกสามารถช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนได้แต่ได้ผลเฉพาะกับหนุ่มสาวเท่านั้น
6. ช่วยให้อายุยืน : จากการศึกษามากกว่า 50 สำนัก พบว่า ผู้ที่ดื่มเบียร์วันละ 1 – 2 แก้ว มักจะมีอายุที่ยืนยาวเนื่องจากเบียร์มีสารปกป้องหัวใจ
7. ป้องกันท้องร่วง : โมเลกุลในเบียร์มีส่วนประกอบเหมือนกันกับกรดนมและน้ำส้มสายชู สารที่ว่านี้ขัดขวางเชื้อโรคในลำไส้ที่เป็นสาเหตุของท้องร่วงไม่ให้แพร่ เชื้อจนท้องเสีย
8. ต้านความเครียด : นักวิชาการจากมหาวิทยาลัย Montreal ค้นพบว่า คนทำงานที่ได้ดื่มเบียร์บ้างเป็นครั้งคราวมีความเครียดน้อยกว่าผู้ที่ไม่ดื่มเบียร์
9. ป้องกันนิ่วในถุงน้ำดีและในไต : นักวิชาการจากเมืองเฮลซิงกิประเทศฟินแลนด์ค้นพบว่า การดื่มเบียร์วันละหนึ่งขวดก็จะได้รับแมกนีเซียมซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงโรค นิ่วในไตได้ถึง 40%
10. ป้องกันโรคนอนไม่หลับ : สารจากดอก Hops ในเบียร์เปรียบเสมือนยานอนหลับจากธรรมชาติช่วยให้ประสาทผ่อนคลาย ช่วยลดอาการเครียดและช่วยให้นอนหลับดีขึ้น
11. ช่วยต้านมะเร็ง : เบียร์มีสารโพลีฟีนอยด์ที่จะช่วยป้องกันมะเร็งโดยการดักจับอนุมูลอิสระตัว ร้ายออกจากร่างกาย สารโพลีฟีนอยด์หลักก็คือ Xanthohumol ซึ่งมีข้อดี คือ ช่วยยับยั้งโปรตีนที่ช่วยในการพัฒนาการของมะเร็ง
12. ช่วยให้ผิวสวย : ในเบียร์มีวิตามินสูง เช่น Pantothenic Acid วิตามินบี 3 และไนอาซินซึ่งจะช่วยกระตุ้นการผลิตเซลล์ผิวใหม่ช่วยสร้างคอลลาเจนและเม็ดสี ผิวจึงเรียบเนียนและอ่อนนุ่ม

ข้อเสียของการดื่มเบียร์ 
          เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ทุกชนิดทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย โดยเฉพาะกับตับ  ซึ่งต้องทำงานหนักเป็นพิเศษเวลาที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์เข้าไป ตับเป็นอวัยวะที่ช่วยขับพิษออกจากร่างกาย แต่ถ้าตับเสียหาย ร่างกายก็จะเต็มไปด้วยพิษ แถมที่สำคัญเบียร์ทำให้บวมอ้วนอีกด้วย นอกจากนี้การดื่มมากๆ ทำให้เกิดอาการเมา ขาดสติสัมปชัญญะ เมื่อขับขี่รถอาจเกิดอุบัติเหตุจนถึงแก่ชีวิต และเป็นสาเหตุของการทะเลาะเบาะแว้งและก่ออาชญากรรมได้ และที่สำคัญพอๆ กัน คือ การดื่มเบียร์ทำให้เสียเงิน เพราะต้องซื้อและมีราคาแพง (กว่าน้ำ)

ดังนั้น เพื่อสุขภาพที่ดี ก็ไม่ควรดื่มเบียร์เลย กินน้ำสะอาดดีที่สุด แต่ถ้าจะดื่มเบียร์ ก็ต้องคิดให้ดีว่า ร่างกายเราพร้อมแค่ไหนก่อนดื่ม และควรดื่มพอประมาณ และถูกกาลเทศะ ไม่มากเกินไป เพราะอะไรที่มากเกินไปก็จะส่งผลที่ไม่ดีต่อสุขภาพได้

อ้างอิง: http://www.anantasook.com/drink-beer-alcohol-make-good-health/